06:48
0


Berry SC สารสกัดจากผลเบอรรี่ ที่ทำหน้าที่เป็นสเตมเซลล์ตัวสำคัญต่อร่างกาย สเตมเซลล์ชนิดเทใต้ลิ้น ช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลย์ และเพิ่มความสดชื่นจากภายใน ช่วยซ่อมแซมร่างกายให้กลับมากระชุ่มกระชวยและแข็งแรง มีทั้งวิตามินซีและอีที่เข้มข้น ช่วยย้อนวัยให้สุขภาพแข็งแรงจากภายใน ผิวพรรณดีนุ่มลื่น ลดริ้วรอย ยับยั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ


Berry SC STEMCELL (สเตมเซลล์สารสกัดจากผลเบอรรี่)

Berry SC STEMCELL (สเตมเซลล์สารสกัดจากผลเบอรรี่) เบอรรี่ เอสซี สเตมเซลล์ สารสกัดจากผลเบอรรี่ ที่ทำหน้าที่เป็นสเตมเซลล์ตัวสำคัญต่อร่างกาย สเตมเซลล์ชนิดเทใต้ลิ้น ช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลย์ และเพิ่มความสดชื่นจากภายใน ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่อ่อนล้า เสื่อมโทรม กระตุ้นให้ผลิตเซลล์ใหม่ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น ลดปัญหาเรื่องผิวหยาบ ฝ้า กระ จุดจ่างดำ... ..
Berry SC STEMCELL (สเตมเซลล์สารสกัดจากผลเบอรรี่)


Berry SC
สารสกัดจากผลเบอรรี่ ที่ทำหน้าที่เป็นสเตมเซลล์ตัวสำคัญต่อร่างกาย สเตมเซลล์ชนิดเทใต้ลิ้น ช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลย์ และเพิ่มความสดชื่นจากภายใน ช่วยซ่อมแซมร่างกายให้กลับมากระชุ่มกระชวยและแข็งแรง มีทั้งวิตามินซีและอีที่เข้มข้น ช่วยย้อนวัยให้สุขภาพแข็งแรงจากภายใน ผิวพรรณดีนุ่มลื่น ลดริ้วรอย ยับยั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ
ทานง่ายเทใต้ลิ้นตรงจุดที่มีเส้นหลอดเลือดดำที่ใหญ่ที่สุดเพื่อการดูดซึมเข้าสู่หัวใจได้เร็วและเห็นผลไว สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

หน้าที่หลักของผลเบอรรี่

§  ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย
§  ประสิทธิภาพทางด้านการสมานแผล
§  ลดเลือนริ้วรอย
§  กระชับผิวหนัง

ข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลส่วนผสมสำคัญ

Blueberry extract powder (สารสกัดจากบลูเบอรี่)
ประโยชน์ของบลูเบอรรี่

 นักวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับผลไม้พบว่า ผล Blueberry นั้น นอกจากจะรสอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถึงขั้นที่นักวิจัยจัดให้เป็นยอดผลไม้ชนิดใหม่

        Blueberry ผลไม้ผล กลมเล็กๆ สีน้ำเงินเข้มนั้น ชาวอเมริกันอินเดียน หรืออินเดียนแดงใช้ในการปรุงอาหาร ใช้เป็นยา และทำสีย้อมแบบครามมานานแล้ว Blueberry เป็นไม้พุ่ม มี 2 ชนิด คือ ชนิดพุ่มสูงที่ปลูกกันตามบ้าน และชนิดพุ่มเตี้ย หรือ Blueberry ป่า

        เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า Blueberry มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเพราะมีวิตามิน C และ วิตามิน E อยู่มาก ราวสองสามปีมานี้ ความต้องการ Blueberry สูงขึ้นมาก เมื่อนักวิจัยพบว่า ผลไม้กลมๆ เล็กๆ สีน้ำเงินเข้มนี้ มีสาร anti-oxidant อยู่ในระดับสูงด้วย สาร anti-oxidant นั้น เป็นสารเคมีที่ต่อต้านการอักเสบ ช่วยต่อสู้ภาวะการแก่ตัวหรือชะลอความแก่ และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง นักวิจัยบอกว่ายิ่ง Blueberry ป่าด้วยแล้ว มีระดับสาร anti-oxidant สูงมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นใด

        นักวิทยาศาสตร์ที่ University of Maine ในรัฐ Maine ซึ่งปลูกต้น Blueberry ป่ามากที่สุดในโลก กำลังทำการศึกษาหลายอย่างเกี่ยวกับผลไม้นี้ อย่างหนึ่งคือ การศึกษาที่มุ่งในเรื่องระบบหลอดเลือดหัวใจและผลที่ Blueberry มีต่อการปรับปรุงการไหลเวียนของโลหิต และการลดการอักเสบของเส้นเลือดใหญ่ การศึกษาอีกอย่างหนึ่ง มุ่งดูว่า ผลไม้นี้จะช่วยทำให้คนเรารู้สึกอิ่มโดยที่รับประทานอาหารน้อยได้หรือไม่ และยังมีการศึกษาเกี่ยวกับผลในการช่วยปรับปรุงขีดความสามารถของคนเรา ในการปรับสายตาให้ชินกับความมืด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ด้านความปลอดภัยในการขับรถตอนกลางคืน

         นอกจากนั้น ยังมีนักวิจัยกลุ่มอื่นศึกษาในเรื่องที่ว่า Blueberry จะช่วยในการบำบัดรักษาโรคอัลไซเมอร์ และโรคเบาหวานได้อย่างไรหรือไม่ด้วย

         David Yarborough อาจารย์สาขาวิชาพืชสวนที่ University of Maine กล่าวว่า จากการศึกษาที่ผ่านมา ผล Blueberry ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคเหล่านั้น แต่ช่วยชะลอการขยายตัวของโรคและปรับปรุงสุขภาพ และความสามารถในการทำงานของอวัยวะต่างๆ




ประโยชน์ของบลูเบอรรี่
1.Berry เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย   ซึ่งร่างกายต้องการเพื่อช่วยทำให้เซลล์ในร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น  รวมทั้งการรักษาบาดแผล การป้องกันโรคมะเร็ง ลดการเป็นโรคเลือดออกตามไรฟัน ตลอดจนถึงโรคเก๊าท์ หรือ อาการปวดตามข้อ
2.Berry มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ให้ดียิ่งขึ้น  ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ  โรคทางประสาทและสมอง 
3. Berry ช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกายและชะลอความแก่ชรา  ฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนที่ผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์  ริ้วรอยดูลบเลือนลง ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ด้วย (ข้อมูลของ USDA หรือ สถาบันวิจัยโภชนาการทางด้านสรีระศาสตร์ ได้ระบุว่า บลูเบอร์รี่ BlueBerry จัดเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ซึ่งผลจากการทดสอบค่าที่เรียกว่า “ORAC” (Oxygen Radical Absorbance Capacity) ได้แสดงให้เห็นว่า บลูเบอร์รี่ Berryสดจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าผลไม้สดและผักชนิดอื่น)
4.Berry ช่วยในเรื่องของระบบประสาทและสมอง ช่วยทำให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น   ทำให้ความสามารถในการจำของเราดีขึ้น ป้องกันโรคอัลไซเมอร์   รักษาเซลล์สมองที่ถูกทำลาย โดยมีรายงานว่า ผศ.โรเบิร์ต คริโคเรียน แห่งศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยซินซินเนติในสหรัฐ ได้ทำการทดลองให้ผู้สูงอายุที่เริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ ได้ดื่มน้ำบลูเบอร์รี่คั้นสดวันละ 2 แก้ว เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ผลการทดลองพบว่า ผู้สูงอายุเหล่านั้นมีความทรงจำที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าผลบลูเบอร์รี่ดิบๆ จึงน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมด้วย5.บลูเบอร์รี่ Berry  เป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ เพราะช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง
6.บลูเบอร์รี่  Berry เป็นผลไม้ที่มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ประกอบอยู่   โดยเป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์   ที่มีสีแดงอมม่วง สารนี้มีประโยชน์ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้น  และช่วยในการทำงานของกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์เรตินา
7.สารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) ที่มีอยู่ในบลูเบอรรี่ Berry เป็นสารที่มีคุณสมบัติเทียบได้กับสารไบโอฟลาโวนอยด์ สามารถช่วยทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และสารชนิดนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานของไต และช่วยรักษาผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยเปราะในอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสีย และสารแอนโธไซยาโนไซด์ชนิดหนึ่งคือสาร ไมร์ทิลลิน (Myrtliiln) เป็นสารสีน้ำเงินที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคที่เรียได้ด้วย
8.สารแอนโทไซยานินที่พบได้มากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่รวมถึง บลูเบอร์รี่  Berry  มีส่วนช่วยในการป้องกันอาการอ่อนล้าจากการใช้สายตาหนัก ช่วยทำให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด และยังช่วยป้องกันต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม ช่วยลดความดันในลูกตา และลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา โดยข้อมูลจาก Archives of Ophthalmology ชี้ว่าการรับประทานบลูเบอร์รี่วันละ 3 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคตาที่เกิดในวัยผู้ใหญ่ได้ด้วย
9. Berry ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
10. Berry ช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารและทำให้การขับถ่ายของร่างกายทำงานได้เป็นระบบมากขึ้น จึงช่วยป้องกันโรคท้องผูกและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้
11. บลูเบอร์รี่  Berry  มีสาร Pterostilbene ที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และตับ และยังมีกรด Ellagic ที่ทำงานควบคู่กับแอนโทไซยานิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ป้องกันมะเร็ง โดยผลการวิจัยของ Journal of Agricultural and Food Chemistry ชี้ว่าบลูเบอร์รี่มีสารที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งด้วย
12.ในเรื่องของระบบปัสสาวะ แบคทีเรียอีโคไล ที่ผนังท่อทางเดินปัสสาวะเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่มีผลทำให้เกิดอาการอักเสบและรู้สึกแสบในขณะปัสสาวะ บลูเบอร์รี่ Berry มีสารที่ทำให้แบคทีเรียชนิดนี้หยุดการเจริญเติบโต และช่วยล้างแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะ
13.สำหรับผู้ที่กำลังหาวิธีควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วนแบบง่ายๆ แต่ได้ผล แนะนำให้รองรับประทานบลูเบอร์รี่ Berry เพราะผลไม้ชนิดนี้เป็นแหล่งของพลังงานชั้นยอดที่มีแคลอรี่ต่ำ ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะมีเส้นใยอาหารที่ช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานกว่าเดิม
14.บลูเบอร์รี่  Berry  มีสารเพคติน ที่สามารถช่วยในการลดระดับของคลอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
15.จากการศึกษาของศูนย์หัวใจและหลอดเลือด มหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้แสดงให้เห็นว่าบลูเบอร์รี่ Berry อาจช่วยลดไขมันหน้าท้อง และความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ โดยพบว่าหนูทดลองที่รับประทานผงบลูเบอร์รี่ Berry  ผสมในอาหารของหนู เป็นระยะเวลา 90 วัน มีไขมันหน้าท้องน้อยลง และระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง
16.บลูเบอร์รี่ Berry เป็นผลไม้ที่เป็นตัวต่อต้านสารพิษ และช่วยล้างพิษในร่างกาย
17.วิตามินซีในผลบลูเบอร์รี่ Berry จะช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และแก้มแดงมีเลือดฝาด

Rose Hip Oil Extract สารสกัดจากผลโรสฮิป
ส่วนประกอบที่สำคัญในผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาผิวหนัง
      Rose Hips เป็นแหล่งที่อุดมด้วยวิตามินซี โดยมักทำอยู่ในรูปเครื่องดื่มสำหรับทารกและเด็ก วิตามินซีจะมีอยู่ในรูปเปลือกของ Rosehips น้ำมันสกัดได้จากเมล็ดพันธ์นั้นประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นหลายชนิด และวิตามินเอ (Trans-Retinoic Acid) ซึ่งปัจจุบันสารนี้ได้ถูกค้นพบว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยสมานแผล และทำให้ผิว
ดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น
       แม้ว่าชนพื้นเมืองจากชิลี (Chile) ที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขาแอนเดส   จะทราบถึง
คุณสมบัติของต้นกุหลาบป่า         (Wild rose – bush Rosa Mosqueta) ในเรื่องการซ่อมแซมผิวหนังที่เสียหายมาหลายรุ่นแล้วก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้ที่มีการศึกษาค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์อย่าเป็นทางการเกี่ยวกับประสิทธิภาพทางด้านการสมานแผล
      ผลของ Rosa Mosqueta-Rose Hip Oil ในการช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวที่เสียหายนั้นเนื่องมาจากการมี Trans-Retinoic acid ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางธรรมชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของกรดไขม้นไม่อิ่มตัวที่จำเป็น ดังนั้น action ของมันจึงถูกควบคุมและมีการปล่อยออกมาช้าๆตามธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการเกิดภาวะของการได้รับสารเกินขนาด และด้วยเหตุผลเช่นเดียว กันกับที่กล่าวข้างต้น ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วย Trans-Retinoic acid ซึ่งถูกสังเคราะห์ขึ้นจากการทดลองไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

หน้าที่หลัก

      ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย    
      ประสิทธิภาพทางด้านการสมานแผล
      ลดเลือนริ้วรอย
     กระชับผิวหนัง


xml:namespace prefix = o />xml:namespace prefix = o />xml:namespace prefix = o />Acerola cherry extract powder (สารสกัดจากอเซโรล่าเชอร์รี่)    
            อะเซโรลา เชอร์รี่ เป็นพืชในตระกูล Malpighiaceae มีชื่อสามัญว่า Barbados cherry, west Indian cherry, acerola, cereza, cerisier, shimarucu และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Malpighia punocifolia L. โดยชื่อ อะเซโรลา เชอร์รี่เป็นชื่อภาษาเปอร์โตริกัน
             อะเซโรลา เชอร์รี่ เป็นพืชเขตร้อน (tropical to sub-tropical) มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะอินดีสตะวันตก (West Indies) แถบทะเลแคริบเบียน โดยพบทางตอนเหนือของอเมริกาใต้ เช่น เม็กซิโก บาฮามาส ทรินิเดด คิวบา จาไมก้า บราซิล เปอร์โตริโก และแผ่ขยายไปจนถึงอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ เชื่อกันว่ามีการนำจากประเทศคิวบาไปปลูกที่รัฐฟลอริดา อเมริกา ในค.ศ. 1887-1888 ก่อนที่จะมีการนำไปปลูกที่ประเทศเปอร์โตริโกก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีการนำไปปลูกทั่วโลก เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย
            อะเซโรลา เชอร์รี่ เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ สูงประมาณ 6 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร มีขนอ่อนเล็กๆที่กิ่ง มีดอกสีชมพู ถึงสีม่วงอ่อน(ลาเวนเดอร์) ผลของอะเซโลรา เชอร์รี่อาจเป็นผลเดี่ยว หรือเป็นช่อประมาณ 2-3 ลูก มีลักษณะแป้นถึงกลม คล้ายเชอร์รี่ แต่มี 3 หยัก ขนาดกว้างประมาณ 1.25-2.5 เซนติเมตร ผิวมันบาง สีแดงสด เนื้อชุ่มน้ำสีส้ม มีรสเปรี้ยว หรืออมเปรี้ยวจนเกือบหวาน มีกลิ่นคล้ายแอปเปิ้ล ใน 1 ผลจะมี 3 เมล็ด เนื่องจากผลของอะเซโลรา เชอร์รี่มีผิวที่ค่อนข้างบาง จึงทำให้ช้ำง่าย และเสื่อมสภาพเร็ว หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วจะเกิดกระบวนการหมักอย่างรวดเร็ว (ประมาณ 3-5 วัน) และถ้าไม่เก็บไว้ในที่อุณหภูมิต่ำ (7°c) จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้นได้ง่าย โดยถ้าต้องการเก็บไว้นานๆ ต้องเก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า -12°c จึงนิยมรับประทานผลสด หรือนำไปทำแยม เยลลี่ ไซรัป น้ำผลไม้ และก็มีการนำมาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ เช่น ผงขัดผิว สบู่/เจลล้างหน้า หรือเป็นส่วนผสมในครีมและเครื่องสำอางต่างๆ เป็นต้น
           อะเซโลรา เชอร์รี่เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ คือ วิตามินซี มีโปรตีนและแร่ธาตุสูงโดยเฉพาะ เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม และมีสาระสำคัญตัวหนึ่งชื่อ trans-beta-carotene ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย มีปริมาณของไขมันอิ่มตัว และโซเดียมต่ำ ไม่มีคลอเลสเตอรอล และจากผลการวิจัยพบว่า  อะเซโรลา เชอร์รี่ มีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าที่พบในส้มถึง 30-80 เท่า



  อะเซโลรา เชอร์รี่ เป็นผลไม้เมืองร้อนที่ทั่วโลกยอมรับว่ามีวิตามินซีอุดมสมบูรณ์ที่สุดชนิดหนึ่ง และมีไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  จึงได้มีการปลูกเป็นอุตสาหกรรมเพื่อนำมาผลิตวิตามินซีกันอย่างแพร่หลาย ในหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบผง  อัดเม็ด  แคปซูล  น้ำผลไม้   แต่ถ้ามีความร้อนสูง วิตามินซีจะสลายตัว  ทำให้ต้องสกัดน้ำอะเซโลรา เชอร์รี่ที่อุณหภูมิต่ำประมาณ -195°c และผลอะเซโลรา เชอร์รี่ 18 กิโลกรัมจะสกัดเป็นน้ำได้ 1 กิโลกรัม จากนั้นมาทำให้แห้งเพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่อไป
         อะเซโรลา เชอร์รีเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการเยอะมาก  เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี  ไฟโตนิวเทรียนท์ในกลุ่มแอนโธไซยานินและแคโรทีนอยด์ รวมถึงวิตามินบี 1 , บี 2 ,บี 3, บี 6 และวิตามินบี 12  นอกจากนี้ยังพบแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายอย่างโพแทสเซียม แคลเซียม โซเดียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ทองแดง สังกะสี ซีลีเนียม ในผลไม้มหัศจรรย์นี้ด้วย
วิตามินซีในอะเซโรล่า เชอรี่
         โดยทั่วไปผลสดของอะเซโรลา เชอร์รี 100 กรัม จะพบวิตามินซีตั้งแต่ 1.5 กรัม ถึงประมาณ 3.5 กรัมน้ำอะเซโรลา เชอร์รีคั้นสดปริมาตร 180 มิลลิลิตรมีปริมาณวิตามินซีเทียบเท่ากับน้ำส้มคั้นสด 14 ลิตร  วิตามินซีจากผลอะเซโรลา เชอร์รี สามารถดูดซึมผ่านลำไส้เล็กได้เร็วกว่าวิตามินซีสังเคราะห์ถึง 1.63 เท่า เนื่องมาจากไฟโตนิวเทรียนท์ในผลอะเซโรลา เชอร์รี เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี
         อะเซโรลา เชอร์รี่ ขึ้นชื่อเลยว่าสามารถต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้อย่างดี  จากการศึกษาพบว่าสารสกัดจากผลอะเซโรลา เชอร์รีทั้งในรูปสกัดจากผลสดและน้ำคั้นมีค่า ORAC สูงมากกว่าสตรอเบอร์รีและผักโขม  (ORAC คือ Oxygen Radical Absorbance Capacity เป็นวิธีวัดศักยภาพของสารต้านอนุมูลอิสระที่ปรับให้อนุมูลอิสระมีค่าเป็นกลาง)  นั่นหมายถึง อะเซโรลา เชอร์รี่ มีความสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่านั่นเอง
       นอกจากนี้  อะเซโรลา เชอร์รี่ ช่วยชะลอการย่อยคาร์โบไฮเดรต และการดูดซึมกลูโคส    การย่อยคาร์โบไฮเดรตนั้นจำเป็นต้องใช้เอนไซม์จากตับอ่อนและลำไส้เล็ก เพื่อย่อยน้ำตาลโมเลกุลคู่ให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว  และให้ร่างกายจะดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป    ซึ่งหากสามารถทำการชะลอกระบวนการดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง ก็จะส่งผลดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการทำการทดลองกับหนูทดลองที่เป็นเบาหวาน พบว่าสามารถช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสได้
      อะเซโรลา เชอร์รี เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและใช้เป็นวัตถุดิบในอาหารมาเป็นเวลานาน จึงมีความปลอดภัยสูงแม้จะรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยมีการทดสอบกับสัตว์ทดลองเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการรับประทานสารกสัดโพลิฟีนอล จากอะเซโรลา เชอร์รี พบว่า สารสกัดไม่เป็นอันตรายต่อเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว หรืออวัยวะต่างๆ
     ด้วยคุณภาพคับคั่งอย่างนี้ ทำให้ราคาของผลไม้นี้ก็สูงตามไปด้วย แต่ก็คุ้มค่าเพราะ อะเซโรลา เชอร์รี่ อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเราัทั้งนั้น และที่สำคัญสำหรับสาวๆ ที่ต้องการดูแลผิวพรรณให้สดใสผุดผ่อง มีน้ำมีนวล
คุณประโยชน์ของวิตามินซีจากอะเซโรลา เชอร์รี่
1เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน
2 จำเป็นต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน  (Collagen) โดยช่วยออกฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับสารคอลลาเจน และการประสานตัวของเนื้อเยื่อคอลลาเจน จึงช่วยให้แผลในร่างกายหายเร็วขึ้นช่วย เสริมสร้างการเจริญเติบโตในผู้ใหญ่ ทำให้ผิว กระชับ ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ช่วยในการสมานตัวของแผล หากขาดวิตามินซี เป็นสาเหตการเปราะแตกง่ายของ ผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดออกง่าย
3 ต้านการเกิดมะเร็ง โดยการยับยั้งสารไนโตรซามีนจากการรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่ไหม้เกรียม
4 ป้องกันการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง โดย ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไฮยาลูโรนิเดส  ( Hyaluronidase ) ที่ทำหน้าที่ทำลายเนื้อเยื่อรอบเซลล์มะเร็งจนก่อให้เกิดการกระจายตัวของ เซลล์มะเร็งไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ( Metaastasis )
5 ช่วยดูดซึมซีลีเนียมในลำไส้ อะเซโร ลาเชอร์รี่ มีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าที่พบในส้มถึง 30-80 เท่า และจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูงที่สุด นอกจากนั้น เสริมการทำงานของวิตามินซ๊ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ จะช่วยให้ร่างกายสามารถนำวิตามินซีไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น
6 จำเป็นต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน  ( Collagen ) โดยช่วยออกฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับสารคอลลาเจน และการประสานตัวของเนื้อเยื่อคอลลาเจน จึงช่วยให้แผลในร่างกายหายเร็วขึ้นช่วย เสริมสร้างการเจริญเติบโตในผู้ใหญ่ ทำให้ผิว กระชับ ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ช่วยในการสมานตัวของแผล หากขาดวิตามินซี เป็นสาเหตการเปราะแตกง่ายของ ผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดออกง่าย
       ความเครียด ภาวะเครียดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ความเครียดจะกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนจำพวกอะดรีนาลิน (Adrenalin) และคอร์ทิซอล (Cortisol) ซึ่งเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปทั่วร่างกาย และหากเกิดการกระตุ้นจากฮอร์โมนนี้ติดต่อกันนานๆ ร่างกายจะนำสารอาหารไปใช้ในการเผาผลาญพลังงานมากเกินไปตามมา ดังนั้น การรับประทานวิตามินซีจากธรรมชาติจะช่วยลดอาการเครียดได้ด้วยกลไกการชดเชยวิตามินซี ที่ถูกนำไปใช้ในกระบวนการเผาผลาญอาหาร ช่วยลดการแพ้ต่างๆ รวมทั้งโรคภูมิแพ้ โดยยับยั้งสารที่เรียกว่า ฮีสตามีน เป็นสารที่ร่างกายสร้าง ขึ้นมาหากมากเกินไปจะทำให้มีอาการระคายเคืองตามระบบหายใจ ทำให้จามมีน้ำมูกไหล นอกจากนี้ยังพบว่าวิตามินซีสามารถลดโอกาสการติด เชื้อบริเวณปอดได้อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลวิจัยล่าสุดจากการศึกษาทาง วิทยาศาสตร์ของอะเซโรลา เชอร์รี พบว่า
       วิตามินซีจากผงอะเซโรลา เชอร์รีสามารถเอื้อ ประโยชน์ต่อร่างกาย (Bioavailable) ได้มากกว่า วิตามินซีที่ได้จากการสังเคราะห์ ในเด็กทารก หลังจากประทานวิตามินซีจากอะเซโรลา เชอร์รีผสมกับน้ำแอปเปี้ลพบว่า เด็กทารก มีอัตราการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย เมื่อเทียบตามอายุและน้ำหนักสูงกว่ามาตรฐานเด็กทารกในวัยเดียวกัน
        ในผู้ใหญ่สูงอายุที่มีกิจกรรมปกติหลังจากการรับประทานอะเซโรลา เชอร์รีแล้วเจาะเลือดพบว่า มีระดับของเม็ดเลือดขาวจำพวก ลิวโคไซท์เพิ่มขึ้นในเลือด ดังนั้นการรับประทาน อะเซโรลา เชอร์รีจึงมีความสัมพันธ์กับการเสริมภูมิต้านทานในผู้ใหญ่สูงอายุ  อย่างมีนัยสำคัญ

        อะเซโรลา เชอร์รี ต้านเชื้อราได้เนื่องจากในผลอะเซโรลา เชอร์รีให้สารออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราจำพวก Epidermephyton floccosum, Microsporum canis และTrichophyton rubrumm

วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1 ซอง (1.4 กรัม) ฉีกซองเทผลิตภัณฑ์ลงในน้ำธรรมดา 60-70 มล. (ประมาณครึ่งแก้ว) ใช้ช้อนคนให้ละลาย

วิธีการเก็บรักษา : ควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น

คำเตือน : เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน





    สนใจผลิตภัณฑ์ หรือ  ผู้ช่วยคอนเฟิร์ม รหัสสมาชิก 200195


         สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย ไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้า
         ติดต่อคุณ ทิศเนตร (หนุ่ม)



 080-5517586,084-6998118



        

nineejraaa

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.